คำว่า “ผมรักมวยไทย” ใคร ๆ ก็สามารถพูดได้ทั้งนั้น แต่หากเราจะหาอะไรมาเป็นตัวชี้วัดว่า คนไหนพูดจริง ก็คงต้องดูกันที่การกระทำเป็นหลัก เหมือนดั่งผู้ชายคนหนึ่งที่พูดมาเสมอว่า “ผมรักมวยไทย” อย่าง เสี่ยโบ๊ท ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ โปรโมเตอร์แห่งศึกเพชรยินดี ซึ่งก็เขาพิสูจน์คำนั้น ด้วยการพลิกโฉมจัดมวยไทยให้มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง, ผลักดันนักชกไทยไปโกอินเตอร์โด่งดัง และดูแลนักชกในศึกสายได้อย่างดีเยี่ยม ไม่เพียงเท่านั้น นอกสังเวียนการแข่งขัน “เสี่ยโบ๊ท” ยังเป็นคนที่ใคร ๆ ต่างนับถือในความเป็นคนจริง คนกล้า ที่แสดงออกอย่างตรงไปตรงมา และทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวม ของวงการมวยไทย ไม่ใช่ทำเพื่อตัวเอง นับตั้งแต่อดีตเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน เสี่ยโบ๊ท ทำหน้าที่เปรียบเสมือนกระบอกเสียงของมวยไทย
ตั้งแต่การออกมาพูดปกป้องศักดิ์ศรีมวยไทย ยามมีใครมาหยามหมิ่น ตลอดจนการออกเป็นปากเป็นเสียงให้กับค่ายมวยเล็ก ๆ นักมวยตัวเล็ก ๆที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ รวมถึงในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ลุกลามไปทั่วประเทศ จนไม่สามารถจัดมวยไทยได้หลายเดือน ก็มี เสี่ยโบ๊ท คนนี้แหละที่ยืนหยัดต่อสู้อย่างหนักมาโดย ทั้ง การเรียกร้องเงินเยียวยา และวัคซีนแก่พี่น้องในวงการมวย, รวมถึงประสานติดต่อดำเนินเพื่อขอให้ผู้มีอำนาจเห็นใจ ยินยอมให้จัดมวยไทยอีกครั้ง
ล่าสุด เสี่ยโบ๊ท ได้พยายามติดต่อประสานงาน เพื่อจะขอเข้าไปยื่นหนังสือ เสนอต่อผู้หลักผู้ใหญ่ที่กำกับดูแลการแข่งขันกีฬามวยไทย
เนื่องจาก เสี่ยโบ๊ท รู้สึกว่าตนเองไม่อาจทนนิ่งดูดาย แล้วรอดู นักมวยไทยต้องเลิกชก หรือทนเห็นค่ายมวยปิดตัวได้อีกแล้ว เนื่องจากมวยไทยถูกสั่งระงับห้ามจัดการแข่งขัน จนทำให้อนาคตของวงการมวยไทยอาชีพอยู่กันยากลำบากเต็มทีแล้ว ก่อนที่ความพยายามจะเป็นผล เมื่อทาง นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งเป็นองค์กรใหญ่สุดในการกำกับควบคุมและดูแล การแข่งขันกีฬาภายในประเทศ ได้รับทราบความตั้งใจจริงของ เสี่ยโบ๊ท
จึงเปิดไฟเขียวให้ เสี่ยโบ๊ท พร้อมด้วยพี่น้องในวงการกำปั้นนับสิบชีวต เดินทางมาเข้าพบ เพื่อหารือ แลกเปลี่ยน รับฟังปัญหากับ รัฐมนตรีกระทรวงกีฬา ฯ รวมถึงการยื่นหนังสือถึง ผู้ใหญ่ เพื่อให้มีการอนุญาตจัดมวยไทยอีกครั้ง ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป จากการพูดคุย และบทสัมภาษณ์หลังประชุมเสร็จของ พิพัฒน์ รัชกิจประการ ถึงตอนนี้ก็คงต้องบอกว่า โอกาสไม่น้อยที่มวยไทย จะได้กลับมาจัดแบบระบบปิดห้ามคนดูเข้าสนาม ในช่วงกลางเดือน มิถุนายน หรือในเดือนกรกฏาคม
ดังนั้นสิ่งสำคัญในตอนนี้ คือการกระจายข้อมูลค่ายมวยต่าง ๆ ได้รับทราบ และเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการนำพา นักมวย, ทีมงานในค่ายของท่าน ไปฉีดวัคซีนเพื่อช่วยป้องกันไวรัสโควิด-19 เพราะท้ายที่สุด ยิ่งมีจำนวนการฉีดเยอะมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสให้ มวยไทย ได้กลับมาจัดอีกครั้แต่เหนือสิ่งอื่นใด การหารือในครั้งนี้คงเกิดขึ้นได้ยาก หากไม่มี เสี่ยโบ๊ท ที่กล้าคิด กล้าลงมือทำ และเดินเรื่องนี้อย่างสุดกำลังความสามารถ จนผู้ใหญ่ในสมาคมกีฬา ฯ เกิดความข้าอกเข้าใจ ถึงความสำคัญของมวยไทย และพร้อมที่ทำงานร่วมกับ ศบค. และกกท. ในการประสานหาวัคซีนไว้สำหรับฉีดแก่นักมวย, สตาฟฟ์โค้ช รวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
ติดตามข้อมูล ข่าวสาร เพิ่มเติม
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมทาง เพจR1Fight
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมทาง Youtube
