“ยอดภูผา วิมานแอร์” นักมวยอาวุธหนักจากชัยภูมิ วัย 19 ปี ที่ได้รับบทเรียนอันแสนล้ำค่าจากไฟต์ล่าสุด พร้อมหวนขึ้นสังเวียนเพื่อเรียกฟอร์มเดิมกลับคืน โดยจะต้องพบกับ “มาฟลุด ตูปิเยฟ” มวยเก๋าหมัดค้อนปอนด์ วัย 33 ปี จากอุซเบกิสถาน ในกติกามวยไทย รุ่นแบนตัมเวต (135-145 ป.) ในฐานะคู่เอกภาคอินเตอร์ของศึก ONE ลุมพินี 38 ที่จะถ่ายทอดสดจากสนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) ในวันศุกร์ที่ 27 ต.ค.นี้
ผลงานไฟต์ล่าสุดของ “ยอดภูผา” ในศึก ONE ลุมพินี 28 เมื่อเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ถูกยกให้เป็นหนึ่งในผลการแข่งขันที่พลิกล็อกมากที่สุดครั้งหนึ่งนับแต่ถือกำเนิดรายการ ONE ลุมพินี หลัง “ยอดภูผา” ที่ชิงความได้เปรียบจากการกด “แอนตาร์ คาเซม” ลงไปให้กรรมการนับก่อนถึง 3 ครั้ง ถูกพลิกเกมกลับมาเป็นฝ่ายแพ้น็อกไปแบบสุดช็อกในช่วงปลายยกที่สอง โดยที่เจ้าตัวเปิดเผยว่าข้อผิดพลาดร้ายแรงที่สุดที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนั้นคือ ความใจร้อนของตนที่อยากจะรีบปิดเกมจนเกินไป
“ไฟต์ล่าสุดผมพลาดมากเลยครับ เพราะการที่ผมได้นับเขาก่อน จึงทำให้ในหัวผมคิดแต่อยากจะรีบเข้าไปต่อยหมัดเพื่อปิดเกมให้ได้ ผมเร่งจังหวะเกินไป และไม่ได้ทำตามแผนที่วางเอาไว้ โดยเฉพาะเรื่องระบบป้องกันตัวที่ผมลืมสนิท จนทำให้โดนเขาอัดกลับมาเต็ม ๆ ถึงขั้นหลับคาเวทีเป็นครั้งแรกตั้งแต่เริ่มชกมวยมา”
“ยอดภูผา” ยืนยันว่าความพ่ายแพ้ครั้งแรกของตน นับแต่เข้ามาชกในศึก ONE ลุมพินี ในไฟต์ที่ผ่านมา ไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของตัวเอง เนื่องจากมองว่าในภาพรวมของการแข่งขัน ตนสามารถทำผลงานออกมาได้ดีแล้ว และควรจะเป็นฝ่ายได้รับการชูมือด้วยซ้ำ หากไม่รีบร้อนมากเกินไป จนกลายมาเป็นบทเรียนอันล้ำค่าที่จะต้องจดจำไปตลอดชีวิต
“ความพ่ายแพ้ในไฟต์ล่าสุดไม่ได้ส่งผลต่อสภาพจิตใจ หรือความมั่นใจของผมเลยครับ เพราะเอาจริง ๆ ผมคิดว่าผมต่อยได้ดีมากเลยนะครับ ผมเป็นคนเดินเข้าทำตลอดทั้ง 2 ยก ทั้ง ๆ ที่เสียเปรียบเรื่องช่วงชก แต่ผมแค่พลาดโดนหมัดนั้นทีเดียวเฉย ๆ ครับ วันนั้นถ้าผมไม่รีบร้อนจนเกินไป ผมคิดว่ายังไงผมก็ชนะ นี่คือบทเรียนที่ล้ำค่ามาก ๆ เลยครับ”
การที่บททดสอบด่านต่อไป คือนักชกรุ่นใหญ่ใจถึง อย่าง“มาฟลุด ตูปิเยฟ” ที่เคยพิชิตอดีตแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต อย่าง “อลาเวอร์ดี รามาซานอฟ” มาแล้ว ทำให้ ” ยอดภูผา” ทำการบ้านศึกษาสไตล์การชกของ “มาฟลุด” มาเป็นอย่างดี จนมองเห็นจุดอ่อนสำคัญที่พร้อมจะเข้าเล่นงานให้สาแก่ใจ
นอกจากนั้น “ยอดภูผา” ยังการันตีไฟต์นี้ทุกคนจะได้เห็น “ยอดภูผา” คนเดิม ที่มีอาวุธโจมตีที่หลากหลาย กลับมาอีกครั้ง หลังสองไฟต์ล่าสุดได้รับเสียงวิจารณ์จากแฟน ๆ เป็นจำนวนไม่น้อย ที่เน้นโจมตีด้วยอาวุธหมัดเพียงอย่างเดียว จนลืมใช้อาวุธแม่ไม้มวยไทยที่หลากหลายของตนเอง
“มาฟลุด” เป็นมวยหมัดที่มีประสบการณ์บนเวทีที่สูงมาก แม้อายุจะห่างจากผมถึง 14 ปี แต่ผมจะประมาทไม่ได้เด็ดขาด โดยเฉพาะหมัดเหวี่ยงขวาของเขาที่หนักเอาเรื่องมาก ๆ ถึงขั้นเคยต่อย “อลาเวอร์ดี” ได้นับมาแล้ว ส่วนจุดอ่อนที่ผมศึกษามา คือขาเขาบางมากครับ หลักไม่ค่อยดีเท่าไหร่ โดนแล้วมีอาการตลอด โดยเฉพาะไฟต์ที่เขาต่อยกับพี่ “เมืองไทย พีเค.แสนชัย” ที่เขาโดนเตะขาเยอะมาก จนออกอาการอย่างเห็นได้ชัด”
“ต้องยอมรับตามตรงครับว่าผมต่อยผิดฟอร์มไปมากในสองไฟต์หลังสุด และไฟต์นี้ทุกคนจะได้เห็น “ยอดภูผา” คนเดิมที่มีอาวุธหลากหลายกลับมาอีกครั้งครับ ผมจะไม่จ้องแต่สาวหมัดเหมือนสองไฟต์ที่ผ่านมาแน่นอน ส่วนรูปเกมบนเวที ผมที่เป็นฝ่ายเร็วกว่าจะเดินเข้าทำแน่นอนครับ ส่วนเรื่องความหนักอยู่ที่ “มาฟลุด” และถ้าผมสามารถป้องกันหมัดเขาได้ ก็คิดว่าไม่มีอะไรน่ากังวลครับ”
“ยอดภูผา” ทิ้งท้ายถึงสิ่งสำคัญที่สุดในไฟต์นี้ นอกเหนือจากการคว้าชัยชนะให้ได้ คือการที่ต้องโชว์ฟอร์มออกมาให้ปังที่สุด เพื่อหวังที่จะได้รับโอกาสให้เข้าร่วมแข่งขันในศึก ONE รายการใหญ่ ที่ตนเองเฝ้าฝันถึงมานานแสนนาน
“ไฟต์นี้นอกจากจะต้องเก็บชัยชนะให้ได้แล้ว ผมยังต้องการโชว์ฟอร์มให้ออกมาดีที่สุด และประทับใจที่สุดครับ เพราะว่าผมอยากจะขึ้นไปโชว์ฝีมือในศึก ONE รายการใหญ่แล้วครับ”