‘ซ้ายฟ้าผ่า’ เสมาเพชร มั่นใจประเดิมไฟต์คิกบ็อกซิ่งครั้งแรก เบิกเส้นทางสู่บัลลังก์แชมป์ในอนาคต

0
269

“เสมาเพชร แฟร์เท็กซ์” นักมวยหมัดฟ้าผ่า ตัดสินใจข้ามสายจากกติกามวยไทยมาลองชิมลางกติกาคิกบ็อกซิ่งเป็นครั้งแรกใน ONE ประกบคู่กับ “จาง เฉิงหลง” นักชกเจนเวทีจากแดนมังกร ในศึก ONE FIGHT NIGHT 7: จอห์น vs ฟาบริซิโอ II ที่จะถ่ายทอดสดจากสนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) ในช่วงเวลาไพรม์ไทม์อเมริกา ซึ่งตรงกับเวลา 07.00 น. ของวันเสาร์ที่ 25 ก.พ.66 โดยเจ้าตัวมั่นใจในสไตล์มวยหมัดของตนเองและจะผ่านด่านแรกไปได้ไม่ยาก

หลังจากที่ “เสมาเพชร” โชว์ฟอร์มแกร่งชนะน็อก “ฤทธิ์เทวดา เพชรยินดีอะคาเดมี” ในนัดล้างตาเมื่อเดือน ส.ค.65 และสามารถรั้งเก้าอี้มือวางอันดับหนึ่งของแรงกิง ONE มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต (145 ป.) อย่างเหนียวแน่น ส่งให้เขาจ่อคิวเป็นผู้ท้าชิงบัลลังก์กับ “ราชันฆ่าไม่ตาย” น้องโอ๋ ฮาม่ามวยไทย

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่รอคิวอยู่นั้น “เสมาเพชร” ก็ไม่อยากเสียเวลาไปเปล่า ๆ ปลี้ ๆ จึงขอโอกาสข้ามสายมาลองวิชาในกติกาคิกบ็อกซิ่งดูบ้าง เพื่อเพิ่มลู่ทางให้ตนเองมีโอกาสใหม่ ๆ และท้าทายศักยภาพตัวเอง โดยเจ้าตัวเปิดใจว่า

“เหตุผลที่ผมตัดสินใจข้ามมาแข่งในสายคิกบ็อกซิ่ง เพราะผมอยากจะชกคิกบ็อกซิ่งควบคู่ไปกับชกมวยไทยด้วยครับ ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เผื่อมีโอกาสได้เข้าไปชิงแชมป์โลกคิกบ็อกซิ่งด้วย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความฝันของผมที่อยากจะได้แชมป์โลกคิกบ็อกซิ่งมาครองเหมือนกันครับ”

สำหรับนักมวยไทยที่ผ่านการฝึกซ้อมในรูปแบบมวยไทยและชกมวยไทยมาตลอดเส้นทางอาชีพ การเปลี่ยนกติกาใหม่โดยไร้ประสบการณ์มาก่อน อาจสร้างความกังวลใจไม่น้อย แต่ไม่ใช่กรณีของ “เสมาเพชร”

‘ซ้ายฟ้าผ่า’ เสมาเพชร

โดยเจ้าตัวมองว่าแม้ 9 ไฟต์ที่ผ่านมาใน ONE จะเป็นการแข่งขันกติกามวยไทยทั้งหมด อีกทั้งมีประสบการณ์ชกคิกบ็อกซิ่งเป็นศูนย์ ผิดกับคู่แข่ง “จาง เฉิงหลง” ที่เจนเวทีมากกว่า แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่กังวลในเรื่องนี้เลย

“การปรับสไตล์การชกจากมวยไทยเป็นคิกบ็อกซิ่งก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากครับ ผมก็ยังซ้อมมวยไทยตามปกติ เพียงแต่เรางดใช้ศอก และใช้เข่าบ้างเป็นบางครั้ง เน้นหมัด เน้นเตะเยอะกว่าเดิม”

สำหรับผม คิกบ็อกซิ่งไฟต์แรกครั้งนี้ ไม่มีอะไรต้องกังวลเลยครับ เพราะว่าการชกคิกบ็อกซิ่งมันเป็นสไตล์การออกหมัดมากกว่าอย่างอื่น และผมก็เป็นมวยหมัดโดยพื้นฐานอยู่แล้ว ผมก็มั่นใจมากพอสมควรว่าครั้งนี้ผมจะเก็บชัยชนะได้ครับ”

อย่างไรก็ตาม “เสมาเพชร” ยอมรับว่า “จาง เฉิงหลง” เป็นนักชกมากประสบการณ์ที่ผ่านสังเวียนทั้งมวยไทยและคิกบ็อกซิ่งมาอย่างโชกโชน ทั้งยังคุ้นเคยกับการสู้กับนักมวยไทยใน ONE มาแล้วหลายคน ทั้งราชันคิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต “เพชรทนง เพชรเฟอร์กัส” และ “แสงมณี พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม”

แต่ท้ายที่สุดแล้ว ด้วยระยะเวลาการฝึกซ้อมนานราว 4-5 เดือน รวมทั้งการศึกษาการชกของคู่แข่งมาแบบละเอียดยิบ “เสมาเพชร” เชื่อว่าเขาจะสามารถรับมือกับนักชกแดนเส้าหลินรายนี้ได้ทุกกระบวนท่า และเตรียมหมัดไม้ตายไว้เรียบร้อยแล้ว

“จาง เฉิงหลง” เป็นมวยสไตล์เดียวกับผม คือเป็นมวยซ้าย ส่วนใหญ่เขาจะเน้นหมัดมากกว่า ต้องระวังหมัดฮุกและหมัดตรงของเขาให้มากที่สุด แต่จุดบอดของเขาคือไม่เน้นบัง เขาจะรับอาวุธแล้วค่อยตอบโต้ ซึ่งต้องรอไปดูบนเวทีครับว่าผมจะแก้เกมของเขายังไง และถ้ามีโอกาสน็อก ผมก็จะจัดการเขาแน่นอนครับ เพราะผมก็หวังว่า “บอสชาตรี” จะให้โบนัสผมอีกครั้งครับ”

หาก “เสมาเพชร” ตั้งใจที่จะกรุยเส้นทางใหม่ในสายคิกบ็อกซิ่ง ก็ต้องลุ้นกันต่อยาว ๆ ว่าเขาจะสามารถฝ่าด่านแรกและได้ไปต่อจนถึงบัลลังก์หรือไม่ ซึ่งปัจจุบันมี “เพชรทนง เพชรเฟอร์กัส” แชมป์โลกชาวไทยนั่งครองอยู่

บทความก่อนหน้านี้โปรแกรมมวย ศึกมวยมันส์สนั่นเมือง วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์
บทความถัดไปโปรแกรมมวย ศึกมวยไทยพลังใหม่ วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566